ผมเชื่อว่าวันนี้เป็นอีกวันหนึ่งที่ประชาชนคนไทยจะมีความสุขเปี่ยมล้นอย่างถ้วนทั่วเพราะตรงกับวันเฉลิมพระชนม พรรษาครบ 85 พรรษา ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และปีนี้ถือว่าเป็นความพิเศษสุดที่พระองค์จะเสด็จออกมหาสมาคม ณ สีหบัญชร พระที่นั่งอนันตสมาคม เพื่อให้พสกนิกรได้เข้าเฝ้าฯเพื่อถวายพระพรอย่างใกล้ชิด
“เอแบคโพล” ได้สำรวจความเห็นของประชาชนอันเป็นดัชนีชี้ชัดว่า “นี่คือเดือนแห่งความสุข” ของคนไทยอย่างแท้จริง
นั่นคือ ประชาชนทุกหมู่เหล่าต่างมีความสุขที่เห็นคนไทยเป็นหนึ่งเดียวกันในการแสดงความจงรักภักดีต่อชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์
94.8% ระบุว่า ตั้งใจจะแสดงความจงรักภักดีทำเพื่อ “พ่อหลวง”
หนังสือ “ความรักของพ่อ” ว่าด้วยความรักต่อ “ปวงชนชาวไทย” เขียนเอาไว้ดีครับ...การเป็นพระเจ้าแผ่นดินนั้นต้องเป็น 24 ชั่วโมง พระองค์ทรงอยู่บนยอดปิรามิดของสังคม แต่ปิรามิดในประเทศไทยนั้นเป็นปิรามิดหัวกลับ
หมายความว่าพระองค์ท่านทรงอยู่ด้านล่างเพื่อรองรับปัญหาทุกๆอย่างของประชาชนและทรงตักเตือน
บรรดาบุคคลที่ทำงานรับใช้เบื้องพระยุคลบาท ในโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริต่างๆ อยู่เสมอว่า
“ความทุกข์ของประชาชนนั้นรอไม่ได้”
สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ได้พระราชทานสัมภาษณ์ในหนังสือ “ในหลวงของเรา” ว่าเวลาที่ทรงพระสำราญคือเวลาที่เสด็จออกวางโครงการพัฒนาประเทศ และเห็นว่าพระราชดำริคงจะมีประโยชน์ต่อประชาชน ในเวลาที่เห็นผลจากโครงการต่างๆ
อีกประการหนึ่งสิ่งที่ทำให้พระองค์ทรงพระสำราญคือ การได้ทอดพระเนตรเห็นประชาชนมีน้ำใจต่อท่านและประชาชนด้วยกัน ไพร่ฟ้าข้าแผ่นดินจะมีส่วนช่วยพระองค์ท่านได้ โดยการช่วยตัวเอง ช่วยเพื่อนร่วมชาติคนอื่นๆมีความรักสามัคคีกัน
“ทำตนเป็นพลเมืองดี เห็นแก่ชาติบ้านเมือง”
นี่เป็นส่วนหนึ่งที่แสดงให้เห็นว่าพระองค์ท่านทรงต้องการให้คนไทยมีความรัก ความสามัคคี ทำตนเป็นคนดีเพื่อประเทศชาติบ้านเมือง
และความตอนหนึ่งจากบทพระราชนิพนธ์ “เมื่อข้าพเจ้าจากสยามมาสู่สวิตเซอร์แลนด์” ที่ทรงมีไปถึงพระสหายในต่างประเทศภายหลังจากที่เสด็จขึ้นครองสิริราชสมบัติ
“เมื่อข้าพเจ้าเป็นนักเรียนอยู่ในยุโรป ข้าพเจ้าไม่เคยตระหนักว่าประเทศของข้าพเจ้าคืออะไร และเกี่ยวข้องกับข้าพเจ้าแค่ไหน ไม่ทราบตราบจนกระทั่งข้าพเจ้าได้เรียนรู้ที่จะรักประชาชนของข้าพเจ้า เมื่อได้มีการติดต่อกับเขาเหล่านั้น”
“ซึ่งทำให้ข้าพเจ้าสำนึกในความรักอันมีค่ายิ่ง ข้าพเจ้าไม่เป็นโรคคิดถึงบ้านที่จริงจังอะไรนัก แต่ข้าพเจ้าได้เรียนรู้ โดยการทำงานที่นี่ว่า”
“ที่ของข้าพเจ้าในโลกนี้
คือการได้อยู่ท่ามกลางประชาชนของข้าพเจ้า”
นั่นคือคนไทยทั้งปวง
และอีกตอนหนึ่ง เมื่อปี 2528 น้ำท่วมกรุงเทพมหานคร ทำให้ประชาชนเดือดร้อนอย่างหนัก พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงปวดพระทนต์ ทันตแพทย์จะถวายการรักษา แต่พระองค์ตรัสว่า
“รอไว้ก่อนนะ ฉันทนได้
วันนี้ขอไปดูราษฎรก่อน ช่วยแก้ไขปัญหาน้ำท่วมก่อน”
เหล่านี้เป็นเพียงเศษเสี้ยวที่แสดงให้เห็นว่าพระองค์ท่านนั้นมีความรักต่อคนไทยทั้งประเทศ ไม่เลือกว่าใครเป็นใคร ที่สำคัญก็คือ ต้องการให้รักกันและสามัคคีกันมากที่สุด
ขอให้พระองค์ “ทรงพระเจริญ” ยิ่งยืนนาน.
“สายล่อฟ้า” 6/12/55 |